วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

นักบุญแบร์นาแด๊ต




แบร์นาแด๊ต
เกิดในประเทศฝรั่งเศลใกล้เมืองลูรด์ ครอบครัวของเธอยากจนมาก วันหนึ่งในปี ค.ศ. 1858 ขณะที่แบร์นาแด๊ตไปเก็บฝืนที่ป่า มีสตรีสวยงามผู้หนึ่งประจักษ์มาหาเธอที่ถํ้ามาสซาเบียลในเทือกเขาพีเรนีส สตรีผู้นั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฟ้าและสีขาว และที่เท้าของสตรีมีดอกกุหลาบประดับอยู่ สตรีผู้นั้นยิ้มให้เธอและขอร้องให้เธอสวดสายประคำพร้อมกับท่าน
แบร์นาแด๊ต ได้ไปพบสตรีผู้นั้นถึง 18 ครั้ง แต่ละครั้งมหาชนติดตามเธอไปที่ถํ้าแห่งนั้น เพื่อร่วมสวดสายประคำกับสตรีผู้นั้นพร้อมกับแบร์นาแด๊ต ครั้งหนึ่งสตรีผู้นั้นบอกให้แบร์นาแด๊ตขุดลงบนพื้นดินที่ตนคุกเข่า ทันใดนั้นเกิดบ่อนํ้าพุมหัศจรรย์ ประชาชนใช้นํ้านั้นรักษาโรคต่างๆของตน อาศัยความศรัทธา แบร์นาแด๊ตถามสตรีผู้นั้นว่า "ท่านคือใคร " สตรีผู้นั้นตอบว่า " เราคือผู้ปฎิสนธินิรมล " ซึ่งหมายถึง" แม่พระ " นั่นเอง แม่พระวิงวอนทุกคนให้สวดภาวนามากๆเพื่อคนบาป
แบร์นาแด๊ต ได้บวชเป็นซิสเตอร์ในเวลาต่อมา และถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 36 ปี แต่อัศจรรย์ที่ลูร์ดมีอยู่เสมอตราบเท่าทุกวันนี้.

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี







อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี
ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองทะเล ตำบลไสไทย ตำบลอ่าวนาง และตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ 242,437 ไร่ เป็นพื้นน้ำประมาณ 200,849 ไร่ มีป่าไม้ 3 ประเภท คือ ป่าดงดิบชื้น พบเห็นได้บริเวณเขาสูงชันบริเวณเขาหางนาค เขาอ่าวนาง ป่าชายเลน จะพบบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ คลองย่านสะบ้า และด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณสุสานหอย 40 ล้านปี และป่าพรุ ที่พบต้นเสม็ดขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ มีสัตว์ต่าง ๆ ที่พบในอุทยานฯ ได้แก่ นกโจรสลัด เหยี่ยวแดง นกออก นกนางแอ่นกินรัง หมูป่า ลิง และค่าง สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวคือเดือนพฤษภาคม - เดือนเมษายน

ไอศกรีมทอด


ส่วนประกอบ
1. ไอศครีมรสที่ชอบ (จะให้อร่อยต้องเป็นไอศครีมที่มีรสหวานและมัน ไม่แนะนำเชอร์เบท หรือ หวานเย็น)
2. ขนมปังแซนวิชใหม่ๆ 1 นาที ต่อ 2 แผ่น
3. ผงขนมปังป่น
4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
5. น้ำมันพืชสำหรับทอด

เคล็ดลับ กระทะที่ใช้ทอดไอศครีมควรเป็นกระทะก้นมัน และไอศครีมควรแช่ในช่องแข็งให้เย็นจัด แต่ต้องไม่แข็งเกินไปจนตักไม่ได้

วิธีทำ
1. เริ่ม จากการทำขนมปังป่นก่อน ง่ายๆ ค่ะ นำขนมปังแซนด์วิชมาตากแดดจนแห้งกรอบ หรือจะใช้อบในเตาด้วยไฟอ่อนจนกรอบ จากนั้นนำไปป่นให้ละเอียด
2. คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนการทำแล้วค่ะ เริ่มจากเตรียมขนมปังป่นใส่ถ้วย นำขนมปังแซนด์วิชมาตัดขอบสีน้ำตาลออก ตีไข่ไก่ในถ้วยอีกใบให้พอเข้ากัน
3. ตั้งกระทะบนเตาด้วยไฟกลาง ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำไอศครีมออกจากช่องแช่แข็ง ตักไอศครีม 1 ก้อนวางลงบนขนมปัง ทาไข่รอบๆ
4. เอา ขนมปังอีกแผ่นหนึ่งประกบ แล้วปั้นให้เป็นรูปกลมๆ ชุบลงในไข่ แล้วคลุกกับขนมปังป่น ใช้อุ้งมือบีบให้เป็นก้อน แล้วชุบไข่ และคลุกกับขนมปังป่นอีกครั้ง
5. นำลงทอดทันที พอผิวขนมปังเป็นสีเหลืองอ่อนๆ ให้ใช้กระชอนตักขึ้นทันที (ไม่ควรทอดเกิน 30 วินาที)
6. วางลงบนกระดาษซับมัน ตักใช่จานหรือถ้วยเสิร์ฟ แต่งหน้าด้วยฮอทฟัดจ์ หรือวิปปิ้งครีม จะใส่ผลไม้สดแบบเชอรี่ หรือสตอเบอรี่ก็ได้

ไอศกรีมนมเย็น


เครื่องปรุง
ไข่แดง 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
นมสด 200 มิลลิลิตร
วิปปิ้งครีม 350 มิลลิลิตร
น้ำหวานกลิ่นสละ 50 มิลลิลิตร
กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
เชอร์รี่แดง 8-10 ลูก

วิธีทำ
1. นำไข่แดง น้ำตาลทราย และเกลือป่นใส่รวมกันในชามผสม ตีให้เข้ากันจนฟูและสีอ่อนลง
2. ผสมนมสด วิปปิ้งครีม และกลิ่นวานิลาเข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนจนเริ่มร้อนก็นำส่วนผสมนมมาเทลงในส่วนผสมไข่ที่ตีไว้ คนตลอดเวลาไม่ให้ไข่สุก
3. นำส่วนผสมที่ได้ไปตั้งไฟอ่อน คนตลอดเวลาจนส่วนผสมข้นขึ้นจนเคลือบทัพพี หรืออุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียส
4. นำส่วนผสมที่ได้มากรองเอาเยื่อไข่ออก ทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นจึงผสมน้ำหวานลงไป และคนให้เข้ากัน
5. นำเชอร์รี่มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในส่วนผสมแล้วนำไปแช่เย็นประมาณ 3-4 ชั่วโมง
6. เมื่อส่วนผสมเย็นได้ที่แล้วก็นำไปปั่นในเครื่องทำไอศกรีมตามโปรแกรมของแต่ละเครื่อง
7. ตักไอศกรีมนมเย็นใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

ขนมเต้าส่วน

ส่วนผสม

* แป้งมัน 50 กรัม

* ถั่วเขียวเลาะเปลือก 250 กรัม

* น้ำเปล่า 900 กรัม

* หัวกะทิ 200 กรัม

* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

* แป้งเข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือก ล้างทำความสะอาด จากนั้นจึงนำไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปใส่ผ้าขาวบางและนำไปนึ่งจนสุก

2. ระหว่างรอถั่วเขียวนึ่ง เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดยนำหัวกะทิไปผสมกับเกลือและนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนสักพักจึงใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปกวนจนแป้งสุกจึงปิดไฟ และพักไว้

3. นำน้ำเปล่าไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไปคนจนละลายดี เสร็จแล้วใส่แป้งมัน ลงไปคนต่อจนแป้งสุกใส ใส่ถั่วเขียวนึ่งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งลงไป คนจนกระจายทั่ว จึงปิดไฟ

4. ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่สอง) พร้อมเสริฟได้ทันทีทั้งร้อนและเย็น

บลูออเร้นจ์




บลูออเร้นจ์
บลูเบอร์รี่สด 1/3 ถ้วย
ส้ม (ผลละ 270 กรัม) แกะกลีบ 2 ผล
น้ำเชื่อมปริมาณตามชอบ
ส้มแกะกลีบสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
- ใส่บลูเบอร์รี่ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยส้ม ปั่นเข้าด้วยกันจนเนียน ชิมดู
- ถ้าไม่หวานสามารถเติมน้ำเชื่อม คนพอเข้ากัน เทใส่แก้วน้ำแข็ง ตกแต่งด้วยกลีบส้ม

ขนมสาคูเปียกมะพร้าวอ่อน

ส่วนผสม

* สาคู 200 กรัม

* น้ำตาลทราย 250 กรัม

* เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นชิ้น 100 กรัม

* น้ำเปล่า 900 กรัม

* หัวกะทิ 100 กรัม

* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำน้ำเปล่าใส่ลงในหม้อและตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ขณะรอน้ำเดือดนำสาคูไปล้างในน้ำเปล่าอย่างรวดเร็ว

2. เมื่อน้ำเดือด จึงใส่สาคูลงในหม้อ คนอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เม็ดสาคูเกาะตัวกัน ต้มจนเกือบสุก โดยเม็ดสาคูจะมีลักษณะใส จะเหลือจุดขาวๆภายในเม็ดสาคู

3. ใส่น้ำตาลทรายลงไปในหม้อ คนจนน้ำตาลละลายจึงใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้งจึงปิดไฟ

4. ทำน้ำราดกะทิ โดยใส่น้ำกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือลงในหม้อเล็ก ตั้งบนไฟอ่อนๆจนเข้ากันดี ปิดไฟและพักไว้

5. ตักสาคูมะพร้าวอ่อนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ พร้อมเสริฟรับประทานได้ทันที

* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา

ขนมไข่

ส่วนผสม

* แป้งสาลี 950 กรัม

* ไข่เป็ด 25 ฟอง

* น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัม

* กลิ่นวานิลา 1 ถ้วยตวง

* น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. ตีไข่กับน้ำจนไข่ขึ้นฟู จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีจนน้ำตาลละลาย ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

2. นำส่วนผสมไข่ไปใส่ในตระแกรงล่อน เพื่อเอาสิ่งสกปรกออก เมื่อล่อนเสร็จแล้วนำแป้งลงไปผสม ตีจนไข่ขึ้นฟูอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงเติมกลิ่นวานิลา

3. นำส่วนผสมแป้งและไข่ที่ทำเสร็จไปหยอดลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ (อย่าใส่จนเต็มแบบ เพราะ เมื่ออบแล้วตัวขนมจะฟูขึ้นอีก ควรใส่ประมาณครึ่งหนึ่งของแบบก็พอ) ควรทาน้ำมันบางๆที่ผิวแบบเพื่อไม่ให้ติด

4. นำไปอบโดยใช้อุณหภูมิประมาณ 180 องศาเซลเซียส อบประมาณ 20-25 นาทีหรือจนสุก จึงนำออกมาจากเตา

5. เคาะขนมออกจากแบบ จัดใส่จานเสริฟ (บางกรณีอาจเสริฟขนมโดยไม่ต้องนำขนมออกจากแบบก็ได้)

ขนมครก

+ ส่วนผสมทำตัวแป้ง +

* แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง

* ข้าวสุก 1/2 ถ้วยตวง

* น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง

* มะพร้าวขูด 1/2 ถ้วยตวง

* เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ทำตัวแป้งก่อน โดยเอาข้าวสารซาวให้สะอาด ผสมกับข้าวสุก, แป้งข้าวเจ้า, มะพร้าว และเกลือ ใส่กาละมังพักไว้

2. ต้มน้ำให้เดือด แล้วเอามาผสมในกาละมังที่ใส่ส่วนผสมไว้ ใช้ไม้พายคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันทั่ว

3. ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาไปโม่ก็จะได้แป้งขนมครกตามต้องการ

4. ทำกะทิหยอดหน้าโดยผสมหัวกะทิ, น้ำตาลทรายและเกลือป่นเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วพักไว้

5. วิธีทำ นำกระทะหลุมที่เตรียมไว้ตั้งไฟจนร้อนได้ที่ จึงเช็ดหลุมด้วยน้ำมันจากนั้นจึงหยอดแป้งลงไป (อย่าหยอดจนเต็ม เพราะต้องหยอดหน้ากะทิภายหลัง) ปิดฟาทิ้งไว้จวนสุกจึงเปิดฝาออกและหยอดด้วยหน้ากะทิที่เตรียมไว้ ถ้ามีต้นหอมหรืออย่างอื่นเพิ่มเติมก็โรยลงบนหน้ากะทิ ปิดฝารอสักพักจนสุกจึงแคะออก ควรทานขณะร้อนจะรสชาตดีกว่าทิ้งไว้จนเย็น


น้ำส้มคั้น




น้ำส้มคั้น

ส้ม (ผลละ 270 กรัม) 2 ผล
น้ำแข็งชนิดก้อน
ส้มหั่นชิ้นสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
- ล้างส้มให้สะอาดแล้วลวกผลส้มด้วยน้ำร้อนจัดประมาณ 5 นาที
- นำมาคั้นน้ำ แล้วเทใส่แก้วน้ำแข็ง ตกแต่งด้วยส้มหั่นชิ้น



น้ำส้มสตรอเบอร์รี่ปั่น



น้ำส้มสตรอเบอร์รี่ปั่น
น้ำส้มคั้น 3/4 ถ้วย
สตรอเบอร์รี่สดหั่นแช่เย็นจัด 1/3 ถ้วย
กล้วยหอมสุก (200กรัม) หั่นแช่เย็นจัด 1/2 ผล
สตรอเบอร์รี่และส้มหั่นแว่นสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
- ปั่นน้ำส้ม สตรอเบอร์รี่และกล้วย จนละเอียดเข้ากันดี
- เทใส่แก้ว ตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รี่และส้ม

กล้วยบวชชี

ส่วนประกอบ

* กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก)

* หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร

* หางกะทิ 500 มิลลิลิตร

* ใบเตย 2 ใบ

* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม

* น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม

* เกลือ

วิธีทำ

1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย

3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว

4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที

วุ้น


+ ส่วนผสมตัววุ้น +

* วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ

* น้ำเปล่า 5 1/2 ถ้วยตวง

* น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง

* น้ำใบเตย,น้ำกาแฟ หรือสีผสมอาหาร (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)

วิธีทำ

1. ทำตัววุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำเปล่า ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย (หมายเหตุ : สามารถใส่น้ำใบเตยเพื่อทำวุ้นกะทิใบเตยหรือ น้ำกาแฟเพื่อทำวุ้นกะทิกาแฟ หรืออาจใส่ สีผสมอาหารเพื่อให้ได้สีที่ต้องการสำหรับตัววุ้น)

2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง

3. ตักส่วนผสมตัววุ้นลงไปในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยหยอดให้ได้ประมาณ 3/4 ของแบบ และปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง

4. ระหว่างรอตัววุ้นแข็ง เตรียมทำหน้าวุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำมะพร้าว ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย

5. จากนั้นจึงใส่แป้งข้าวโพด, หัวกะทิ (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) และ เกลือลงไปในส่วนผสมหน้าวุ้น คนอย่างต่อเนื่องจน ส่วนผสมละลายเข้ากัน

6. ใส่หัวกะทิที่เหลือลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำส่วนผสมของหน้าวุ้นไปหยอดใส่พิมพ์ให้เต็มอย่างปราณีต (พิมพ์ต้องใส่ตัววุ้นก่อน และต้องรอจน ตัววุ้นแข็งพอตึงๆก่อน มิเช่นนั้นตัววุ้นและหน้าวุ้นจะผสมกัน)

7. เมื่อหน้าวุ้นและตัววุ้นแข็งดีแล้วก็ให้เคาะออกจากแบบ จัดใส่จานและเสริฟได้ทันที


การป้องกันไข้หวัดใหม่2009

1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมื

2. ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้ป่วย

3. ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด

4. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออก กำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น

6. ติดตามคำแนะนำอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การทำงานของคอมพิวเตอร์

ming1.ส่วนประกอบที่ติดตั้งอยู่ภายใน PC มีอะไรบ้าง แล้วแต่ละอย่างทำหน้าที่อะไร
ตอบ 1.Central process unit (CPU) เป็นศูนย์กลางของการทำงาน PC ตัว CPU นั้นถือว่าเป็น microprocessor
2.Memory เป็นหน่วยจัดเก็บข้อมูล
3.Mainboard ทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆที่จะติดตั้งอยู๋ใน PC
4.Power supply เป็นหม้อแปลงไฟฟ้าของระบบ
5.Hard disk เป็นคลังเก็บข้อมูล
6.Operation system หรือระบบปฏิบัติการ เป็นส่วนของซอฟต์แวร์ ถ้าไม่มีตัวนี้จะไม่สามารถเปิดเครื่อง PC และบูธขึ้นมาเพื่อทำงานได้เลย
7.Chipset เป็นตัวควบคุมการทำงานทั้งระบบ
8.ระบบบัสและ Port ตัวเชื่อม
9.Sound card เป็นตัวควบคุมในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเสียง
10.Graphic card เป็นของแสดงผล

2.คอมพิวเตอร์ทำงานกี่ส่วน แต่ละส่วนทำหน้าที่อะไรบ้าง
ตอบ คอมพิวเตอร์แบ่งการทำงานเป็น 4 ส่วน ได้แก่
1.รับข้อมูลเข้า (Input Device ) ใช้สำหรับในการสั่งงานคอมพิวเตอร์ เช่น เมาส์ โมเด็ม เป็นต้น
2.ประมวลผล (Processing Device ) ทำหน้าที่ประมวลผลคือ CPU ซึ่งทำหน้าที่คล้ายๆกับสมอง
3.เก็บข้อมูล (Storage Device ) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและเป็นเครื่องช่วยในการบันทึกข้อมูล เช่น zip disk เป็นต้น
4.แสดงผลลัพธ์ (Output Device ) ทำหน้ามี่แสดงผลลัพธ์ออกมา เช่น จอภาพ ลำโพง เป็นต้น

3.Port คืออะไร ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ตอบ คือ ช่องสำหรับต่อเชื่อม ซึ่งถูกออกแบบมา สำหรับ เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ จะประกอบไปด้วย
Parallel Port - ถือเป็น Port รุ่นเก่า ที่ให้ความเร็ว ในการต่อเชื่อม
Serial Port - เป็น Port รุ่นเก่า เช่นเดียวกับ Parallel Port นิยมใช้ต่อเชื่อมกับโมเด็มรุ่นเก่าๆ
USB Port - ถือเป็น Port ที่มีความอเนกประสงค์มากที่สุด เพราะมีอุปกรณ์รองรับกับ USB มากมาย
Firewire (IEEE 1394) - ถือเป็น Port ความเร็วสูงที่สุด
Internet และ Network - อุปกรณ์ เพื่อทำการต่อเชื่อมเข้ากับเครือข่าย

4.Hardwareมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ 1.Monito หรือจอภาพ จะอาศัยการทำงาน ของ Graphic Card หรือ VGA Card ซึ่งจะทำการประมวลผล ภาพการแสดงผลต่างๆ แล้วส่งต่อมายัง จอภาพผ่านทาง VGA Port
2.Keyboard เป็นอุปกรณ์ Input ข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด หรือแป้นพิมพ์
3.Mouse ชี้ตำแหน่งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อการสั่งงานและเข้าถึงโปรแกรมต่างๆ
4.สื่อบันทึกข้อมูล เป็นอุปกรณ์ ที่สามารถ เคลื่อนย้ายได้ เพื่อให้คุณ สามารถ Save และพกพา ไฟล์ข้อมูล ไปตามที่ต่างๆ ได้ตามต้องการ
5.Ports ช่องสำหรับต่อเชื่อม สำหรับ เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องพิมพ์, สแกนเนอร์, โมเด็ม หรือ ฮาร์ดดิสก์แบบติดตั้งภายนอก

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สำหรับแม่น้อยกว่านี้ได้ยังไง....

สำหรับแม่น้อยกว่านี้ได้ยังไง...สำหรับแม่ดิฉันไม่ได้อยู่กับแม่ แต่ก่อนฉันอยู่กับแม่ท่านชอบบ่นฉันลำคานท่านมากๆๆ เมื่อมากจากไกลท่าน
ก็รู้ว่าเมื่อไม่มีแม่มันเหมือนมันเหงา วันแม่ฉันเคยไหว้ท่านเพียง2ครั้งในชีวิต ตอนแรกๆรู้สึกอาย เคยทำให้ท่านเสียใจ ฉันอยากให้ท่านทำอาหารให้
ทำทุกอย่างให้ แต่ตอนนี้ฉันกลับไปไหว้ท่านไม่ได้ ฉันอยากบอกแม่ว่าฉันรักท่านที่สุดในโลก


จากลูกที่รักแม่

สวัสDค่ะ

สวัสDค่ะ ดิฉันชื่อสตางค์ /นาวสาวยุรเยศ บุญประสม อยู่ที่ร.ร.อาเวมารีอา
ชั้นม.4/3 เลขที่ 38 ครูวีระชนเเป็นคนที่แนะนำดิฉัน
ก็รู้สึกดีใจมากค่ะ