วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

นักบุญแบร์นาแด๊ต




แบร์นาแด๊ต
เกิดในประเทศฝรั่งเศลใกล้เมืองลูรด์ ครอบครัวของเธอยากจนมาก วันหนึ่งในปี ค.ศ. 1858 ขณะที่แบร์นาแด๊ตไปเก็บฝืนที่ป่า มีสตรีสวยงามผู้หนึ่งประจักษ์มาหาเธอที่ถํ้ามาสซาเบียลในเทือกเขาพีเรนีส สตรีผู้นั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฟ้าและสีขาว และที่เท้าของสตรีมีดอกกุหลาบประดับอยู่ สตรีผู้นั้นยิ้มให้เธอและขอร้องให้เธอสวดสายประคำพร้อมกับท่าน
แบร์นาแด๊ต ได้ไปพบสตรีผู้นั้นถึง 18 ครั้ง แต่ละครั้งมหาชนติดตามเธอไปที่ถํ้าแห่งนั้น เพื่อร่วมสวดสายประคำกับสตรีผู้นั้นพร้อมกับแบร์นาแด๊ต ครั้งหนึ่งสตรีผู้นั้นบอกให้แบร์นาแด๊ตขุดลงบนพื้นดินที่ตนคุกเข่า ทันใดนั้นเกิดบ่อนํ้าพุมหัศจรรย์ ประชาชนใช้นํ้านั้นรักษาโรคต่างๆของตน อาศัยความศรัทธา แบร์นาแด๊ตถามสตรีผู้นั้นว่า "ท่านคือใคร " สตรีผู้นั้นตอบว่า " เราคือผู้ปฎิสนธินิรมล " ซึ่งหมายถึง" แม่พระ " นั่นเอง แม่พระวิงวอนทุกคนให้สวดภาวนามากๆเพื่อคนบาป
แบร์นาแด๊ต ได้บวชเป็นซิสเตอร์ในเวลาต่อมา และถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 36 ปี แต่อัศจรรย์ที่ลูร์ดมีอยู่เสมอตราบเท่าทุกวันนี้.

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี







อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี
ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองทะเล ตำบลไสไทย ตำบลอ่าวนาง และตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ 242,437 ไร่ เป็นพื้นน้ำประมาณ 200,849 ไร่ มีป่าไม้ 3 ประเภท คือ ป่าดงดิบชื้น พบเห็นได้บริเวณเขาสูงชันบริเวณเขาหางนาค เขาอ่าวนาง ป่าชายเลน จะพบบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ คลองย่านสะบ้า และด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณสุสานหอย 40 ล้านปี และป่าพรุ ที่พบต้นเสม็ดขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ มีสัตว์ต่าง ๆ ที่พบในอุทยานฯ ได้แก่ นกโจรสลัด เหยี่ยวแดง นกออก นกนางแอ่นกินรัง หมูป่า ลิง และค่าง สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวคือเดือนพฤษภาคม - เดือนเมษายน

ไอศกรีมทอด


ส่วนประกอบ
1. ไอศครีมรสที่ชอบ (จะให้อร่อยต้องเป็นไอศครีมที่มีรสหวานและมัน ไม่แนะนำเชอร์เบท หรือ หวานเย็น)
2. ขนมปังแซนวิชใหม่ๆ 1 นาที ต่อ 2 แผ่น
3. ผงขนมปังป่น
4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
5. น้ำมันพืชสำหรับทอด

เคล็ดลับ กระทะที่ใช้ทอดไอศครีมควรเป็นกระทะก้นมัน และไอศครีมควรแช่ในช่องแข็งให้เย็นจัด แต่ต้องไม่แข็งเกินไปจนตักไม่ได้

วิธีทำ
1. เริ่ม จากการทำขนมปังป่นก่อน ง่ายๆ ค่ะ นำขนมปังแซนด์วิชมาตากแดดจนแห้งกรอบ หรือจะใช้อบในเตาด้วยไฟอ่อนจนกรอบ จากนั้นนำไปป่นให้ละเอียด
2. คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนการทำแล้วค่ะ เริ่มจากเตรียมขนมปังป่นใส่ถ้วย นำขนมปังแซนด์วิชมาตัดขอบสีน้ำตาลออก ตีไข่ไก่ในถ้วยอีกใบให้พอเข้ากัน
3. ตั้งกระทะบนเตาด้วยไฟกลาง ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำไอศครีมออกจากช่องแช่แข็ง ตักไอศครีม 1 ก้อนวางลงบนขนมปัง ทาไข่รอบๆ
4. เอา ขนมปังอีกแผ่นหนึ่งประกบ แล้วปั้นให้เป็นรูปกลมๆ ชุบลงในไข่ แล้วคลุกกับขนมปังป่น ใช้อุ้งมือบีบให้เป็นก้อน แล้วชุบไข่ และคลุกกับขนมปังป่นอีกครั้ง
5. นำลงทอดทันที พอผิวขนมปังเป็นสีเหลืองอ่อนๆ ให้ใช้กระชอนตักขึ้นทันที (ไม่ควรทอดเกิน 30 วินาที)
6. วางลงบนกระดาษซับมัน ตักใช่จานหรือถ้วยเสิร์ฟ แต่งหน้าด้วยฮอทฟัดจ์ หรือวิปปิ้งครีม จะใส่ผลไม้สดแบบเชอรี่ หรือสตอเบอรี่ก็ได้

ไอศกรีมนมเย็น


เครื่องปรุง
ไข่แดง 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
นมสด 200 มิลลิลิตร
วิปปิ้งครีม 350 มิลลิลิตร
น้ำหวานกลิ่นสละ 50 มิลลิลิตร
กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
เชอร์รี่แดง 8-10 ลูก

วิธีทำ
1. นำไข่แดง น้ำตาลทราย และเกลือป่นใส่รวมกันในชามผสม ตีให้เข้ากันจนฟูและสีอ่อนลง
2. ผสมนมสด วิปปิ้งครีม และกลิ่นวานิลาเข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนจนเริ่มร้อนก็นำส่วนผสมนมมาเทลงในส่วนผสมไข่ที่ตีไว้ คนตลอดเวลาไม่ให้ไข่สุก
3. นำส่วนผสมที่ได้ไปตั้งไฟอ่อน คนตลอดเวลาจนส่วนผสมข้นขึ้นจนเคลือบทัพพี หรืออุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียส
4. นำส่วนผสมที่ได้มากรองเอาเยื่อไข่ออก ทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นจึงผสมน้ำหวานลงไป และคนให้เข้ากัน
5. นำเชอร์รี่มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในส่วนผสมแล้วนำไปแช่เย็นประมาณ 3-4 ชั่วโมง
6. เมื่อส่วนผสมเย็นได้ที่แล้วก็นำไปปั่นในเครื่องทำไอศกรีมตามโปรแกรมของแต่ละเครื่อง
7. ตักไอศกรีมนมเย็นใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

ขนมเต้าส่วน

ส่วนผสม

* แป้งมัน 50 กรัม

* ถั่วเขียวเลาะเปลือก 250 กรัม

* น้ำเปล่า 900 กรัม

* หัวกะทิ 200 กรัม

* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

* แป้งเข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือก ล้างทำความสะอาด จากนั้นจึงนำไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปใส่ผ้าขาวบางและนำไปนึ่งจนสุก

2. ระหว่างรอถั่วเขียวนึ่ง เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดยนำหัวกะทิไปผสมกับเกลือและนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนสักพักจึงใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปกวนจนแป้งสุกจึงปิดไฟ และพักไว้

3. นำน้ำเปล่าไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไปคนจนละลายดี เสร็จแล้วใส่แป้งมัน ลงไปคนต่อจนแป้งสุกใส ใส่ถั่วเขียวนึ่งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งลงไป คนจนกระจายทั่ว จึงปิดไฟ

4. ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่สอง) พร้อมเสริฟได้ทันทีทั้งร้อนและเย็น

บลูออเร้นจ์




บลูออเร้นจ์
บลูเบอร์รี่สด 1/3 ถ้วย
ส้ม (ผลละ 270 กรัม) แกะกลีบ 2 ผล
น้ำเชื่อมปริมาณตามชอบ
ส้มแกะกลีบสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
- ใส่บลูเบอร์รี่ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยส้ม ปั่นเข้าด้วยกันจนเนียน ชิมดู
- ถ้าไม่หวานสามารถเติมน้ำเชื่อม คนพอเข้ากัน เทใส่แก้วน้ำแข็ง ตกแต่งด้วยกลีบส้ม

ขนมสาคูเปียกมะพร้าวอ่อน

ส่วนผสม

* สาคู 200 กรัม

* น้ำตาลทราย 250 กรัม

* เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นชิ้น 100 กรัม

* น้ำเปล่า 900 กรัม

* หัวกะทิ 100 กรัม

* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำน้ำเปล่าใส่ลงในหม้อและตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ขณะรอน้ำเดือดนำสาคูไปล้างในน้ำเปล่าอย่างรวดเร็ว

2. เมื่อน้ำเดือด จึงใส่สาคูลงในหม้อ คนอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เม็ดสาคูเกาะตัวกัน ต้มจนเกือบสุก โดยเม็ดสาคูจะมีลักษณะใส จะเหลือจุดขาวๆภายในเม็ดสาคู

3. ใส่น้ำตาลทรายลงไปในหม้อ คนจนน้ำตาลละลายจึงใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้งจึงปิดไฟ

4. ทำน้ำราดกะทิ โดยใส่น้ำกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือลงในหม้อเล็ก ตั้งบนไฟอ่อนๆจนเข้ากันดี ปิดไฟและพักไว้

5. ตักสาคูมะพร้าวอ่อนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ พร้อมเสริฟรับประทานได้ทันที

* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา

ขนมไข่

ส่วนผสม

* แป้งสาลี 950 กรัม

* ไข่เป็ด 25 ฟอง

* น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัม

* กลิ่นวานิลา 1 ถ้วยตวง

* น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. ตีไข่กับน้ำจนไข่ขึ้นฟู จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีจนน้ำตาลละลาย ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

2. นำส่วนผสมไข่ไปใส่ในตระแกรงล่อน เพื่อเอาสิ่งสกปรกออก เมื่อล่อนเสร็จแล้วนำแป้งลงไปผสม ตีจนไข่ขึ้นฟูอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงเติมกลิ่นวานิลา

3. นำส่วนผสมแป้งและไข่ที่ทำเสร็จไปหยอดลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ (อย่าใส่จนเต็มแบบ เพราะ เมื่ออบแล้วตัวขนมจะฟูขึ้นอีก ควรใส่ประมาณครึ่งหนึ่งของแบบก็พอ) ควรทาน้ำมันบางๆที่ผิวแบบเพื่อไม่ให้ติด

4. นำไปอบโดยใช้อุณหภูมิประมาณ 180 องศาเซลเซียส อบประมาณ 20-25 นาทีหรือจนสุก จึงนำออกมาจากเตา

5. เคาะขนมออกจากแบบ จัดใส่จานเสริฟ (บางกรณีอาจเสริฟขนมโดยไม่ต้องนำขนมออกจากแบบก็ได้)

ขนมครก

+ ส่วนผสมทำตัวแป้ง +

* แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง

* ข้าวสุก 1/2 ถ้วยตวง

* น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง

* มะพร้าวขูด 1/2 ถ้วยตวง

* เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ทำตัวแป้งก่อน โดยเอาข้าวสารซาวให้สะอาด ผสมกับข้าวสุก, แป้งข้าวเจ้า, มะพร้าว และเกลือ ใส่กาละมังพักไว้

2. ต้มน้ำให้เดือด แล้วเอามาผสมในกาละมังที่ใส่ส่วนผสมไว้ ใช้ไม้พายคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันทั่ว

3. ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาไปโม่ก็จะได้แป้งขนมครกตามต้องการ

4. ทำกะทิหยอดหน้าโดยผสมหัวกะทิ, น้ำตาลทรายและเกลือป่นเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วพักไว้

5. วิธีทำ นำกระทะหลุมที่เตรียมไว้ตั้งไฟจนร้อนได้ที่ จึงเช็ดหลุมด้วยน้ำมันจากนั้นจึงหยอดแป้งลงไป (อย่าหยอดจนเต็ม เพราะต้องหยอดหน้ากะทิภายหลัง) ปิดฟาทิ้งไว้จวนสุกจึงเปิดฝาออกและหยอดด้วยหน้ากะทิที่เตรียมไว้ ถ้ามีต้นหอมหรืออย่างอื่นเพิ่มเติมก็โรยลงบนหน้ากะทิ ปิดฝารอสักพักจนสุกจึงแคะออก ควรทานขณะร้อนจะรสชาตดีกว่าทิ้งไว้จนเย็น


น้ำส้มคั้น




น้ำส้มคั้น

ส้ม (ผลละ 270 กรัม) 2 ผล
น้ำแข็งชนิดก้อน
ส้มหั่นชิ้นสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
- ล้างส้มให้สะอาดแล้วลวกผลส้มด้วยน้ำร้อนจัดประมาณ 5 นาที
- นำมาคั้นน้ำ แล้วเทใส่แก้วน้ำแข็ง ตกแต่งด้วยส้มหั่นชิ้น



น้ำส้มสตรอเบอร์รี่ปั่น



น้ำส้มสตรอเบอร์รี่ปั่น
น้ำส้มคั้น 3/4 ถ้วย
สตรอเบอร์รี่สดหั่นแช่เย็นจัด 1/3 ถ้วย
กล้วยหอมสุก (200กรัม) หั่นแช่เย็นจัด 1/2 ผล
สตรอเบอร์รี่และส้มหั่นแว่นสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
- ปั่นน้ำส้ม สตรอเบอร์รี่และกล้วย จนละเอียดเข้ากันดี
- เทใส่แก้ว ตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รี่และส้ม

กล้วยบวชชี

ส่วนประกอบ

* กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก)

* หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร

* หางกะทิ 500 มิลลิลิตร

* ใบเตย 2 ใบ

* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม

* น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม

* เกลือ

วิธีทำ

1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย

3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว

4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที

วุ้น


+ ส่วนผสมตัววุ้น +

* วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ

* น้ำเปล่า 5 1/2 ถ้วยตวง

* น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง

* น้ำใบเตย,น้ำกาแฟ หรือสีผสมอาหาร (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)

วิธีทำ

1. ทำตัววุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำเปล่า ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย (หมายเหตุ : สามารถใส่น้ำใบเตยเพื่อทำวุ้นกะทิใบเตยหรือ น้ำกาแฟเพื่อทำวุ้นกะทิกาแฟ หรืออาจใส่ สีผสมอาหารเพื่อให้ได้สีที่ต้องการสำหรับตัววุ้น)

2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง

3. ตักส่วนผสมตัววุ้นลงไปในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยหยอดให้ได้ประมาณ 3/4 ของแบบ และปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง

4. ระหว่างรอตัววุ้นแข็ง เตรียมทำหน้าวุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำมะพร้าว ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย

5. จากนั้นจึงใส่แป้งข้าวโพด, หัวกะทิ (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) และ เกลือลงไปในส่วนผสมหน้าวุ้น คนอย่างต่อเนื่องจน ส่วนผสมละลายเข้ากัน

6. ใส่หัวกะทิที่เหลือลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำส่วนผสมของหน้าวุ้นไปหยอดใส่พิมพ์ให้เต็มอย่างปราณีต (พิมพ์ต้องใส่ตัววุ้นก่อน และต้องรอจน ตัววุ้นแข็งพอตึงๆก่อน มิเช่นนั้นตัววุ้นและหน้าวุ้นจะผสมกัน)

7. เมื่อหน้าวุ้นและตัววุ้นแข็งดีแล้วก็ให้เคาะออกจากแบบ จัดใส่จานและเสริฟได้ทันที


การป้องกันไข้หวัดใหม่2009

1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมื

2. ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้ป่วย

3. ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด

4. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออก กำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น

6. ติดตามคำแนะนำอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด